วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรียนภาษาที่สามของนักศึกษามหาลัยเกียวโต


ปัจจุบันโลกไร้พรมแดนได้ทำให้ประเทศที่อยู่คนละทวีปขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น การติดต่อง่ายสะดวกมากขึ้น มีโทรศัพท์ราคาถูกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผมใช้มันประจำ voip อินเตอร์เนตทำให้เข้าถึงความรู้ในเชิงปริมาณมากขึ้น หากภาษายังไม่แตกฉาน และตรรกะไม่เพียงพอในการกรองข้อมูลข่าวสาร



ภาษาเป็นสิ่งสำคัญในการติดต่อสื่อสาร การต่อยอดความรู้ ภาษาอังกฤษใช้กันอย่างแพร่หลายในโลกปัจจุบัน ตำราแหล่งความรู้ เราสามารถหาอ่านได้โดยใช้ภาษานี้ จะเรียนต่อในระดับสูงก็ต้องแตกฉานในภาษาอังกฤษ ถึงจะขยายความรู้ได้กว้างและลึก ทางมหาลัยเกียวโตที่ผมอยู่นั้น เค้าจะพยายามถ่อมตัวว่าไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย ประเทศญี่ปุ่นด้อยภาษาอังกฤษมากๆ เค้าบอกกับผมตามวัฒนธรรมการถ่อมตัวของเค้า แต่จากประสบการณ์จริง พวกเราคนไทยต้องแยกให้ออกว่า ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษากับภาษาอังกฤษในการใช้ชีวิตประจำวัน ที่นี่ม.เกียวได ผมยอมรับว่าเก่งในทักษะอ่าน เชียน เป็นเลิศ ดูได้จากจำนวนเปเปอร์ที่ตีพิมพ์ มีมากกว่าจุฬา หรือ เชียงใหม่ มากกว่าเกือบยี่สิบเท่า การอ้างอิงก็มากกว่า ไม่เชื่อลองดู Scopus ได้ ไม่ว่าเปเปอร์เหล่านั้นจะได้มาอย่างไร อาจด้วยการผ่านการกรองโดยบริษัทตรวจงานภาษาอังกฤษก่อนส่งตีพิมพ์ อย่างไรก็แล้วแต่ ที่นี่ทำให้เห็นว่า เค้ามองภาษาอังกฤษคือเครืองมือในการหาความรู้ ขยายองค์ความรู้เผยแพร่ความรู้

ที่สำคัญผมเพิ่งมารู้ว่าภาษาที่สามของญี่ปุ่น เค้าให้ความสำคัญกันมานานมากแล้ว เพราะอาจารย์โปรผมก็เรียนภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่สาม ตอนเค้าเรียนอยู่ป.ตรี ก็เมื่อสามสิบปีที่แล้ว ทั้งที่ภาษาอังกฤษนี่ระดับบรรณาธิการวารสารเลยครับ ผมกล้าพูด เพราะขนาดผมผ่านโทเฟลมาแล้ว ผมเทียบไม่ได้กับอาจารย์ผมแม้แต่นิด ส่วนภาษาฝรั่งเศส อาจารย์ผมก็พูดได้เค้าบอกนะ แต่ถ้าคนญี่ปุ่นบอกว่าพอได้ แสดงว่าต้องได้จริงๆ เพราะวัฒนธรรมการถ่อมตัวนี่แหละ ทำให้เราต้องคูณความจริงเข้าไป ไม่ใช่หารเหมือนบ้านเรา
เด็กในแลปพูดว่า ทางม.เกียวโตจะกำหนดให้เรียนภาษาที่สามอย่างน้อยสองวิชา เด็กส่วนใหญ่จะเลือกเรียน ไม่เยอรมัน ก็ฝรั่งเศส หรือสเปน ทำให้พอมีพื้นฐาน อาจจะยังใช้ไม่ได้จริง แต่พอไปอาศัยอยู่ประเทศเหล่านี้แล้ว เค้าจะประหยัดเวลาในการเรียนรู้ไปได้มาก หรือถ้าแก่ตัวลงมา อาจจะกลับมาสนใจศึกษาเพิ่มเติมได้อีก เพราะผมเห็นคนแก่ที่นี่สนใจเรียนภาษาต่างประเทศด้วยแหละ สุดยอดครับ

บ้านเราต้องตื่นตัว และจริงจังกับภาษาอังกฤษในเชิงคุณภาพให้มากๆก่อน จะได้ไปกวาดต้อนความรู้ระดับสากลได้ เหมือนที่ญี่ปุ่นเคยทำตอนสมัยเอโดะ เมื่อเกือบร้อยปีที่ผ่านมา ทำให้ฐานความรู้ของญี่ปุ่นแน่นมาก ตำราต่างประเทศถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด ทุกสาขา คอมพิวเตอร์ ฟิสิกส์ คณิต ชีว เคมี หลายๆอย่าง สามารถหาอ่านได้เป็นภาษาญี่ปุ่นหากลองเข้าไปในร้านหนังสือที่นี่จะรู้ดี ว่าหนังสือหลากหลายมาก และลึกมาก แต่เสียดายที่ผมอ่านคันจิไม่ออก ^^'

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น