เรื่องนี้เป็นเรื่องบ่นเกี่ยวกับปากท้องของการใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นของผม
คือผมได้รับความเมตตาจากทุนรัฐบาลญี่ปุ่นMonbukagakusho Scholarship ให้ผมได้ศึกษาต่อในระดับสูง เป็นทุนให้เปล่า
คือทุนฟรี ซึ่งถือว่าเป็นเกียรติแก่ผู้ได้รับเป็นอย่างมาก ให้ได้มาศึกษาเรื่องเรดาห์ตรวจอากาศ กับน้ำฝนของเมืองไทย
ก่อนมาผมก็พอรู้จากอาจารย์ในภาควิชาของผมว่าทุนนี้จะลดทุกปี
แต่เมื่อก่อนตอนสิบกว่าที่ผ่านมาได้เกือบ 200,000 เยนต่อเดือน
แล้วก็ลดมาทุกปี อาจเพราะเศรษฐกิจไม่ดี หรือต้องการจะคงจำนวนทุนไว้
ปัจจุบันตอนที่ผมมาครั้งแรกปี 2010 ได้ 155,000 ถือว่าพออยู่ได้
ถ้าหากประหยัด มาคนเดียว ไม่มีภาระอื่น เป็นเด็กที่เรียนต่อเนื่อง หรือคนโสด แต่อาจต้องเก็บเงินเอาไว้เป็นค่าหนังสือ
ที่จะต้องซื้อเพื่อหาความรู้ ค่าย้ายหอ ค่าประกันสุขภาพ แล้วเผื่อฉุกเฉินด้วย แต่ปีที่แล้ว
กับปีนี้ 2012 ก็ได้มีการลดอีกครั้งใหญ่ เพราะเกิดทสึนามิ กระเทือนเศรษฐกิจญี่ปุ่น
บัดนี้ ชีวิตในญี่ปุ่นของผมและภรรยา รวมทั้งบุพการีที่ต้องเลี้ยงดูที่เมืองไทย ก็ต้องรัดเข็มขัดกันซะน่าดู
เพราะเหลือเงินทุนประมาณ 145,000 ให้ได้ใช้
ทั้งที่ทุนกพ.ให้อัตรานักศึกษาไทยที่มาเรียนในญี่ปุ่นไว้ที่ 172,500 เยน
แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมเลือกแล้ว ผมต้องบอกว่าผมเลือกที่จะเอาทุนนี้ เพราะผมคิดว่าผมพอที่กลับไปเรียนเยอรมันอีกครั้งได้
หรือประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ แต่ผมก็ภูมิใจ ณ ตอนนี้ที่ผมทำให้เมืองไทยประหยัดงบประมาณในการพัฒนาบุคลากรไปได้บ้าง
แต่ก็ไม่แน่ว่าหากผมจบไม่ทันสามปี ก็คงต้องหาทางต่อไป
แต่ยังไงมาแล้วต้องทำให้ถึงที่สุดครับ ^^
ชีวิตของผมคงพอจะเป็นแนวให้กับคนที่มีครอบครัวแล้ว อยากเรียนต่อ ในต่างประเทศในยุคปัจจุบัน ผมอยู่ที่นี่ต้องประหยัดอย่างมาก อย่าไปเชื่อนะครับว่า คนได้ทุนมง รวย และมีเงินเก็บทุกคน ถ้าเป็นเมื่อสิบปีก่อน สำหรับคนโสดไม่มีภาระน่ะใช่ อย่าถามนะครับว่าแต่งงานทำไม ส่งเสียทางบ้านทำไม(ไม่เคยเอาเงินมงส่งนะครับ เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย) จะโดนผมกระโดดถีบเอา อย่าถามนะครับว่า เกิดมาจนทำไม คนจนมีสิทธิ์ไหมครับ อายุก็ไม่น้อยแล้วและมนุษย์ก็คือมนุษย์ หลีกหนีกฎธรรมชาติไปไม่ได้ ผมก็มนุษย์คนนึง ภรรยาผมอยู่ที่นี่ก็ประหยัด ทำอาหารกินกันเกือบทุกมื้อเพื่อเก็บเงินไปเดินทางดูบ้านเมืองเค้าบ้าง ผมและภรรยาเป็นนักเรียนรู้ ผมไม่ใช่เด็กจบใหม่ ที่ไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบนอกจากตัวของพวกเขาเอง ผมชื่นชมเด็กเหล่านั้นที่จะเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองเรา คำว่าประหยัด อดทน บากบั่น มุ่งมั่น เหมาะกับตัวผมมากที่สุด และผมก็ภูมิใจในสิ่งที่ผมกำลังเป็นอยู่ ถ้าไม่มีคำว่ายากจน ขัดสน ขาดแคลน ลำบาก ชีวิตก็คงไม่ดิ้นรนขวนขวายหาความรู้ส่วนหนึ่ง ชีวิตผมเหมือนกับพวกนักศึกษาประเทศเวียดนาม อินโด อินเดียที่มาเรียนที่นี่จริงๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีครอบครัวมาด้วย ยกเว้นบ้านเรา เพราะบ้านเราเป็นเด็กจบใหม่ที่เรียนดี อาจเพราะบ้านเราพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว แต่เฉพาะในเมืองหลวงนะครับ ความห่างมากขึ้นไปเรื่อยๆ เด็กๆอาจไม่เข้าใจ แต่ลองไปบ้านนอกใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นสักปีสิครับ จะรู้ว่าคุณคือคนส่วนน้อยของประเทศ หมายถึงคนที่ได้ทุนมานะ
ชีวิตของผมคงพอจะเป็นแนวให้กับคนที่มีครอบครัวแล้ว อยากเรียนต่อ ในต่างประเทศในยุคปัจจุบัน ผมอยู่ที่นี่ต้องประหยัดอย่างมาก อย่าไปเชื่อนะครับว่า คนได้ทุนมง รวย และมีเงินเก็บทุกคน ถ้าเป็นเมื่อสิบปีก่อน สำหรับคนโสดไม่มีภาระน่ะใช่ อย่าถามนะครับว่าแต่งงานทำไม ส่งเสียทางบ้านทำไม(ไม่เคยเอาเงินมงส่งนะครับ เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย) จะโดนผมกระโดดถีบเอา อย่าถามนะครับว่า เกิดมาจนทำไม คนจนมีสิทธิ์ไหมครับ อายุก็ไม่น้อยแล้วและมนุษย์ก็คือมนุษย์ หลีกหนีกฎธรรมชาติไปไม่ได้ ผมก็มนุษย์คนนึง ภรรยาผมอยู่ที่นี่ก็ประหยัด ทำอาหารกินกันเกือบทุกมื้อเพื่อเก็บเงินไปเดินทางดูบ้านเมืองเค้าบ้าง ผมและภรรยาเป็นนักเรียนรู้ ผมไม่ใช่เด็กจบใหม่ ที่ไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบนอกจากตัวของพวกเขาเอง ผมชื่นชมเด็กเหล่านั้นที่จะเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองเรา คำว่าประหยัด อดทน บากบั่น มุ่งมั่น เหมาะกับตัวผมมากที่สุด และผมก็ภูมิใจในสิ่งที่ผมกำลังเป็นอยู่ ถ้าไม่มีคำว่ายากจน ขัดสน ขาดแคลน ลำบาก ชีวิตก็คงไม่ดิ้นรนขวนขวายหาความรู้ส่วนหนึ่ง ชีวิตผมเหมือนกับพวกนักศึกษาประเทศเวียดนาม อินโด อินเดียที่มาเรียนที่นี่จริงๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีครอบครัวมาด้วย ยกเว้นบ้านเรา เพราะบ้านเราเป็นเด็กจบใหม่ที่เรียนดี อาจเพราะบ้านเราพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว แต่เฉพาะในเมืองหลวงนะครับ ความห่างมากขึ้นไปเรื่อยๆ เด็กๆอาจไม่เข้าใจ แต่ลองไปบ้านนอกใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นสักปีสิครับ จะรู้ว่าคุณคือคนส่วนน้อยของประเทศ หมายถึงคนที่ได้ทุนมานะ
ลืมเล่าไปว่า ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นนี่ไม่ครอบคลุมค่าอื่นๆนะ
ให้แต่ค่ารายเดือน ค่าเครืองบินของตัวนักศึกษาเท่านั้น ไม่ครอบคลุมครอบครัวหรือผู้ติดตาม
ฉะนั้นต้องประหยัดนะครับ เพราะที่นี่ญี่ปุ่น เราต้องซื้อของกินของใช้
ย้ายหอทีนึงต้องเสียหลายแสนเยนเลย พอครบหนึ่งปีจะต้องออกจากหอมหาลัยเพื่อให้รุ่นน้องที่มาใหม่มาอยู่แทน
ฉนั้นจะต้องหาหอพักใหม่ อุปกรณ์ดำรงชีวิตที่เคยใช้ของหอพักมหาลัย
ก็ต้องซื้อใหม่หมด เราต้องจ่ายค่ามัดจำ ค่าเงินกินเปล่า(อันนี้เป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณ
เค้าบอกเหมือนว่าเป็นเงินค่าแป๊ะเจี๊ยอะไรประมาณนั้น) ค่าเอเยนซี่ที่หาหอพักให้เราอีก
ค่าขนย้าย ค่าที่นอน ผ้าห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ซื้อเองหมด
แต่มือสองนะครับ หรือไปตบของรุ่นพี่มาถ้ามีคนรู้จัก ผมก็ไปตบมาเหมือนกัน
แต่เป็นของชิ้นเล็กๆ เพราะถ้ารุ่นพี่เค้าเอาไปทิ้ง เค้าต้องเสียค่าทิ้งด้วยนะ
เค้าเลยเต็มใจให้รุ่นน้องเต็มที่
นี่แหละ การบ่นของผม แต่จะสู้ต่อครับ เพื่อความรู้ที่ไม่มีในเมืองไทย ^^
กระทู้เรื่องทุนรบ.ญี่ปุ่น หลายมุมมองในการลดทุน
กระทู้เรื่องทุนรบ.ญี่ปุ่น หลายมุมมองในการลดทุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น