วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

คะแนนแอดมิชชั่นสาขาภูมิศาสตร์และภูมิสารสนเทศ

2014.07. 06

เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาผมเห็นว่ามีน้องๆที่มีเจตนาดีในการนำข้อมูลคะแนน Admission ของสาขาภูมิศาสตร์และภูมิสารสนเทศมาทำเป็นกราฟเปรียบเทียบคะแนนรวมของแต่ละมหาวิทยาลัยมาเผยแพร่ อย่างไรก็ตามเรื่องของคะแนน Admission ในแต่ละสาขายังเป็นข้อถกเถียงกันเสมอ ว่าที่ไหนได้คะแนนเยอะกว่าที่ไหน เพื่อจะทำการวัดระดับว่าใครอยู่ตรงไหน เป็นที่นิยมหรือไม่ในปีนั้นๆ  ซึ่งทำให้เกิดการเข้าใจผิดในการเปรียบเทียบเสมอมา โดยที่มีการเอาคะแนนAdmission ของสาขาที่เหมือนกันมาเปรียบเทียบกันโดยตรงในกราฟเดียวกันโดยไม่ได้อธิบายสัดส่วนหรือองค์ประกอบของคะแนน หากมาตรฐานที่ใช้วัด วิชาที่ใช้วัด มีสัดส่วนเท่ากัน ก็สามารถเทียบกันโดยตรงได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีเรื่องมาตรฐานการให้เกรดในโรงเรียนเป็นตัวบ่งชี้อีก ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงอยู่

แค่ในสาขาภูมิศาสตร์(และภูมิสารสนเทศ) ของแต่ละมหาวิทยาลัยก็มีสัดส่วน GAT PATที่ต่างกัน แต่ละปีก็ถูกปรับเปลี่ยนไป บางมหาลัยสอบ แต่PAT-1 แต่บางที่สอบPAT-2 ด้วย  ความแตกต่างนี้ขึ้นอยู่กับหลักสูตรของแต่ละมหาวิทยาลัยที่ต้องการมุ่งเน้นด้านใด บางแห่งเน้นวิทยาศาสตร์ บางแห่งเน้นศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์หรืออักษรศาสตร์ ทำให้ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้โดยตรงในกราฟเดียวกัน หากนำคะแนนมาไว้ในกราฟเดียวกัน ต้องให้ข้อพึงระวังแก่ผู้ใช้อย่างมากในเรื่องสัดส่วนคะแนน ยิ่งสัดส่วน GAT สูง คะแนนรวมที่ได้จะสูงตาม ซึ่งในทางกลับกันหากสัดส่วน PAT สูง คะแนนรวมที่ได้จะน้อยลงไป

เอาแค่สัดส่วนของคะแนน GAT PAT ก็เป็นข้อถกเถียงแล้ว หากจะสรุปอย่างง่ายๆว่า สาขาภูมิศาสตร์ ม.นเรศวร คนที่สอบเข้าได้คะแนนน้อยกว่าม.ดังอย่างเทียบไม่ติด อันนี้ก็คงไม่ถูกและไม่เป็นธรรมเท่าใดนักในตัดสินใจจากข้อมูลที่ยังไม่สมบูรณ์ (หากกล่าวว่าม.นเรศวรได้คะแนนน้อยกว่าม.ดัง อันนี้เห็นด้วยครับ แต่น้อยกว่ามากมายอันนี้คงต้องดูอีกที) เพราะ ภูมิศาสตร์ม.นเรศวรมีสอบวิชา PAT-2 ซึ่งเป็นความถนัดทางวิชาวิทยาศาสตร์ แสดงว่าสาขาภูมิศาสตร์ม.นเรศวรต้องการรับนักเรียนที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้สอดรับกับหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อมุ่งเน้นผลิตบัณฑิตทางที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ซึ่งสามารถศึกษาโครงสร้างหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (ภูมิศาสตร์)ได้จากเวปไซต์ภาควิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นการจะทำกราฟเปรียบเทียบคะแนนในสาขานั้นๆ ควรจะให้ข้อมูลประกอบด้วย ว่าสัดส่วนเท่าใด เพื่อไม่ให้เกิดอคติในการตัดสินใจ



คะแนนสอบแอดมิชชั่นสาขาภูมิศาสตร์และภูมิสารสนเทศ 2557



  • GAT PAT  สัดส่วนที่ใช้ในแต่ละมหาวิทยาลัยไม่เท่ากัน เช่น ม.นเรศวรและม.เกษตรใช้ GAT 10% PAT-1 10% PAT-2 30%  ส่วนจุฬาและเชียงใหม่สัดส่วนเหมือนกันคือ GAT30% PAT-1 20%
  • GAT  PAT ในแต่ละปีไม่เท่ากัน เช่น ม.เชียงใหม่ ปี 55 ใช้  GAT 40% PAT-1 10%  ส่วนปี 56 ปรับเป็น GAT 30% PAT-1 20% ทำให้สถิติคะแนนโดยรวมในปี56 ดูลดลงน้อยกว่าปี55
  • GAT PAT ของสาขาภูมิศาสตร์ กับ สาขาภูมิสารสนเทศไม่เท่ากัน


คะแนนสอบแอดมิชชั่นสาขาภูมิศาสตร์และภูมิสารสนเทศ 2555-2556

ความผันแปรของสัดส่วนคะแนนที่รับเข้ามีทกปี ฉะนั้นน้องๆควรเข้าเช็คสอบให้ดีก่อนทำการตัดสินใจว่าที่ใดเป็นอย่างไร มีความนิยมขนาดไหน ในเรื่องของคะแนน จากเวป eduzones



ตัวอย่างสัดส่วนคะแนนของสาขาวิชาภูมิศาสตร์ของแต่ละมหาวิทยาลัย


ขอฝากไว้อีกนิดว่าคะแนนสอบแอดมิชชั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการตัดสินใจว่าสถาบันไหนน่าเชื่อถือหรือไม่ หรือมีความนิยมระดับใด หากแต่น้องๆควรเข้าไปดูในรายละเอียดของอาจารย์ผู้สอนในสาขานั้นๆที่น้องๆสนใจจะเข้าศึกษาต่อด้วยในเวปไซต์ของภาควิชา เพราะสาขาวิชาภูมิศาสตร์และภูมิสารสนเทศเป็นศาสตร์ที่กว้างมาก เป็นทั้งวิทย์และศิลป์ แล้วตัวอาจารย์แต่ละท่าน ของแต่ละมหาวิทยาลัยก็มีความสนใจและความถนัดที่แตกต่างกันออกไป น้องๆอาจจะเจออาจารย์ที่มีความถนัดตามความฝันที่น้องๆอยากเรียนด้วยก็เป็นได้ ขอให้สมหวังครับ

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

รศ.ดร.เสน่ห์ ญาณสาร ด้วยความอาลัย

2014.06.25 
คนดีไม่มีวันตาย ใช้ได้เสมอสำหรับผู้ทำสิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อแผ่นดินที่ได้อยู่อาศัย ขอไว้อาลัยแด่ท่าน รศ.ดร.เสน่ห์ ญาณสาร อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาภูมิศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รองคณบดีหลายตำแหน่ง ผู้เป็นเสมือนเสาหลักทางวิชาการของภาควิชาภูมิศาสตร์เชียงใหม่ก็ว่าได้ อาจารย์สั่งสอนศิษย์อย่างคงมาตรฐานเพื่อให้ทุกคนยกระดับตนเองให้ได้มาตรฐานของศาสตร์ภูมิศาสตร์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศที่อาจารย์ท่านเคยไปศึกษาหาความรู้ ท่านจบจากภาคภูมิศาสตร์มช.รุ่นแรก รหัส 07 เป็นรุ่นก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ปีพ.ศ. 2507 ท่านเคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ภาควิชาภูมิศาสตร์มช.ตอนหลังจากที่เรียนจบป.ตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แล้วท่านก็ได้ทุนของม.ธรรมศาสตร์เพื่อไปศึกษาต่อที่ออสเตรเลียในสาขาภูมิศาสตร์ ในระดับปริญญาโท แล้วกลับมาเป็นอาจารย์ที่ม.ธรรมศาสตร์อยู่พักหนึ่ง แล้วจากนั้นก็ขอย้ายกลับมาอยู่ที่ภาควิชาภูมิศาสตร์มช. ซึ่งเชียงใหม่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนอันเป็นที่รักของท่านและท่านรักภาควิชาภูมิศาสตร์มากๆ (เอามาจากบทให้สัมภาษณ์ของ ผศ.ดร.นวลศิริ วงศ์ทางสวัสดิ์ ที่อ.ศราวุธ พงษ์ลี้รัตน์เป็นผู้สัมภาษณ์) จากนั้นก็เดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริการะดับโท เอก ด้วยทุนของมูลนิธิฟอร์ด ในสาขาภูมิศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันในเมืองไทยหาอาจารย์ภูมิศาสตร์ระดับมหาวิทยาลัยที่มีคุณสมบัติแบบท่านได้ยากมาก ซึ่งมีเหตุผลหลายประการ

ท่านได้เป็นทั้งรุ่นพี่ เป็นอาจารย์ ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในแกนนำอาจารย์ที่ทำให้ภาควิชาภูมิศาสตร์มช.ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพในการเป็นส่วนหนึ่งในการรับใช้ชาติ ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีให้รุ่นน้อง ได้เดินตาม แม้ว่าจะยากมากกับสิ่งที่ท่านได้ทำให้เห็นแล้ว แต่หากได้พยายามเดินตามได้สักเสี้ยวหนึ่ง ผมเชื่อว่าชาติจะพัฒนาได้ไวแน่นอน

ท่านเป็นอาจารย์ที่มีมาตรฐานที่สูงมากๆในการสอน ตำราภูมิศาสตร์เมืองของท่านจะมีการอัพเดตทุกปี หมายความว่าท่านติดตามความก้าวหน้าของสาขาวิชาที่ท่านรับผิดชอบอยู่เสมอ และนำมาถ่ายทอดเพื่อให้ลูกศิษย์ได้มีความตื่นตัว ในเล่มนั้นมีทฤษฎีญานสารโมเดลซึ่งท่านเป็นคนคิดรวมอยู่ด้วย สุดๆไปเลยครับ ทำให้เห็นว่าจะสอนใครตัวเองจะต้องมีงานวิจัยหรือปฎิบัติจริงมาก่อนแล้ว ถึงจะสอนและแนะนำเด็กได้มันส์ 555

มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านนัดสอบย่อย ผมเข้าห้องสอบเป็นคนสุดท้ายท่านเห็นผมเดินมาท่านทำท่าพยายามจะปิดประตู แต่ท่านคงสงสารผมเลยปล่อยให้ผมได้เข้าไปในห้อง แต่พอผมนั่งลงอ่านข้อสอบ ผมถึงกับผงะและตกใจกับข้อสอบลองภูมิของท่านที่ถามเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ไปไม่เป็นเลยสำหรับเด็กป.ตรี ท่านให้อธิบายและยกตัวอย่างประกอบในทฤษฎีการกระจายตัวของเมืองเขตชายฝั่งและการขนส่ง ท่านเคี่ยวเข็ญให้เด็กป.ตรีอ่านเปเปอร์โดยต้องเอาให้ท่านดูก่อนทำการแปล แล้วทุกคนต้องอ่านเพราะมีในข้อสอบ ผมจำได้ว่าผมเอาเปเปอร์เรื่องการนำเข้าข้าวจากไทยของไอวอรี่โคสท์ ในตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าประเทศนี้มีอยู่ในโลกด้วยหรือ ข้อสอบกลางภาคของท่านคะแนนเต็มร้อย มีคนได้สูงสุดไม่ถึงยี่สิบคะแนน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่เลขตัวเดียวกับจุดทศนิยม เพื่อนๆทุกคนเมื่อดูคะแนนถึงกับหัวเราะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับระบบคะแนนท่านอาจารย์ท่านนี้ ท่านเป็นคนมีวาทะศิลป์ที่สวยงาม ใช้ภาษาได้ถึงลูกถึงคนหากคนๆนั้นหรือกลุ่มนั้นท่านเห็นว่าควรถูกอบรม อาจเป็นเพราะท่านมีทักษะทางด้านภาษาที่เป็นเลิศเลยทำให้เหมือนเป็นคนแรง แต่พวกเราก็รู้ว่าท่านหวังดีและเมตตาพวกเรา


++รศ.ดร.เสน่ห์  ญาณสาร by อ.ศราวุธ พงษ์ลี้รัตน์++

ท่านเหมือนกับมีสายสืบให้รู้ความเป็นไปของลูกศิษย์ทุกคน ใครเป็นแฟนกะใคร ใครใช้ให้แฟนทำงานให้ ใครเมาใต้ซุ้ม หรือมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งจากเด็กซุ้มอื่นที่มาหาเรื่องที่ซุ้มเด็กเรา ซึ่งท่านต้องรับผิดชอบเคลียร์กับอาจารย์ของเด็กเหล่านั้น เรื่องความเป็นไปของเด็กเด่นๆท่านจะรู้หมด เพราะมีหลายครั้งท่านก็จะมาแซวในห้องเรียน 555 ทำให้รู้ว่าท่านสนใจความเป็นมาเป็นไปของเด็กทุกคน แม้แต่เรื่องของผม ท่านยังเคยมาแซวผมในห้องเรียน เพราะผมบอกกับท่านอาจารย์พูนทรัพย์ ติยายน อาจารย์ที่ปรึกษาของผมตลอดที่เรียนอยู่มช. ในตอนนั้นผมเรียนอยู่ปีสอง ผมบอกอ.พูนทรัพย์ว่าอยากไปเรียนซ่อมรถจักรยานยนต์ที่สารพัดช่าง ผมอยากมีทักษะติดตัว อ.พูนทรัพย์ก็บอกว่าดีจะได้เอามาซ่อมรถให้เพื่อนพี่น้องใต้ซุ้ม 555 เพราะผมคิดในใจตอนนั้นว่าเรียนภูมิศาสตร์ไม่มีทักษะทำอะไรได้เลย ได้แต่ท่องแร่หินดินทราย จะเอาไปทำอะไรได้ จนอาจารย์เสน่ห์มาแซวในห้องว่าทำไมไม่ออกไปเรียนเทคโนเลยอะไรประมาณนี้แล้วมองมาทางผม ผมสะกิดใจว่าอ.เสน่ห์น่าจะได้คุยกับอ.พูนทรัพย์มาแล้ว ตอนนั้นผมเป็นเด็กเรียนดีได้เหรียญทองแดงคือเกรดเฉลี่ยเกิน3.50 ในปีแรก อาจารย์ท่านก็เลยต้องจับตาเป็นพิเศษว่าเด็กคนนี้มีพัฒนาการอย่างไรบ้าง พอจะเป็นเชื้อให้กับวงการภูมิศาสตร์ได้ไหม(ตอนนี้ก็เฉลยแล้วว่ายังไม่ดีพอ แต่จะทำให้ดีกว่านี้ครับ)  วันต่อมาผมเลยไปบอกอาจารย์พูนทรัพย์ว่าผมจะไปเรียนพิมพ์ดีดที่สารพัดช่างแทนครับ ไม่ไปเรียนแล้วครับช่างซ่อมรถ 555 ถ้าวันนั้นอาจารย์เสน่ห์ไม่แซวผม วันนี้ผมก็คงไม่ได้เป็นอาจารย์ของเด็กๆที่ได้มาศึกษาในสองประเทศโทเอกอย่างนี้แน่เลย นี่แหละคือความใส่ใจและการทำงานเป็นทีมของอาจารย์ในภาควิชาภูมิศาสตร์ม.เชียงใหม่ ซึ่งผมหวังว่าสักวันหนึ่งที่ที่ผมสอนอยู่ผมจะได้ทำอย่างนี้มั่ง 555 ซึ่งมีอาจารย์ดีๆมากมายที่ใส่ใจเด็กๆและมีความรู้ใหม่ๆจากต่างประเทศ

ผมเป็นหนี้บุญคุณท่านมากมายหลายเรื่อง  เวลาสอบท่านจะมีข้อสอบให้ทำเยอะมากและหลากหลาย ให้เลือกชิมและลิ้มลองทฤษฎีนู้นนิดนี่หน่อย แล้วจะแจกลูกอมให้ด้วย ท่านแจกด้วยตัวของท่านเอง ผมรู้สึกเป็นเกียรติและปลื้มมากที่ได้ลูกอมเนยจากท่าน เพราะท่านเป็นผู้ทรงเกียรติในคำนิยามของผมจริงๆ ท่านเป็นปราชญ์ที่น่ายกย่องและควรค่าแก่การเป็นแบบอย่างให้แก่คนรุ่นหลัง ท่านสอนวิชาภูมิศาสตร์เมืองและภูมิศาสตร์เศรษฐกิจซึ่งผมไม่ถนัดเลย แต่สิ่งที่ได้จากวิชาที่ท่านสอนนั่นก็คือประสบการณ์จริงต่างแดนที่ท่านได้เล่าประกอบทฤษฎี ทำให้เห็นภาพและพอจะจินตนาการได้ แรงบันดาลใจที่ได้จากเรื่องเล่าของท่านเป็นแรงผลักดันสำคัญแรงหนึ่งที่ทำให้เด็กบ้านนอกอย่างผมได้เดินทางไกลมาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องเล่าอเมริกาทำให้ผมฝันไปไกลจนสอบโทเฟลเพื่อพยายามสอบชิงทุนไปให้ได้เพื่อเล่าเรียนและเห็นบ้านเมืองตามที่ท่านได้เล่า ท่านสั่งสอนผมต่อหน้ารูปของท่านอาจารย์พูนพลตอนที่ผมได้รับทุนศ.พูนพลสองครั้ง ท่านเขียนจดหมายแนะนำตัวอันสละสลวยด้วยทักษะอันเป็นเลิศทางภาษาอังกฤษให้โดยผมรบกวนเพื่อนผม อ.ศราวุธ พงษ์ลี้รัตน์(หนุ่ย)เดินเรื่องให้ ในวันที่ผมสมัครทุนรัฐบาลเยอรมันเมื่อปี 2007 (แม้ว่าจะไม่ใช่อเมริกาก็ตามที ) จนทำให้ผมคนนี้ได้มีโอกาสเดินทางสู่โลกกว้าง ผมจะเดินทางต่อไปตามรอยที่ท่านอาจารย์ได้ทำไว้และจะทำมันให้ยิ่งๆขึ้นไปครับ คำสั่งสอนสุดท้ายของอาจารย์ที่ให้กับผมก็ในปี คศ.2007 ก่อนเดินทางไปเรียนเยอรมัน ผมโทรศัพท์ไปบอกว่าผมได้ทุนแล้วครับ อาจารย์ยินดีและบอกว่าเรียนให้จบเอกให้ได้นะ มาถึงตอนนี้ปี 2014 ผมก็ยังทำตามคำสั่งสอนของอาจารย์ไม่ได้ แต่อีกไม่กี่เดือนครับ ผมสัญญา!!!

คุณความดีที่ท่านทำอันประจักษ์      สั่งสอนหลักสว่างจิตศิษย์ทั่วหล้า
ยึดมั่นในอุดมการณ์ดั่งชีวา          เปล่งเจิดจ้าในวงการภูมิศาสตร์ไทย
อันลูกศิษย์เหมือนลูกรักที่ท่านห่วง  รักล้นทรวงส่งเสริมให้ใฝ่ศึกษา
หวังให้ศิษย์เก็บความรู้คู่ชีวา          ถึงเวลาท่านจากไกลใจสบาย

ขอกำลังใจท่านอาจารย์เสน่ห์จงอยู่กับพวกเราตลอดไป ด้วยรักและเคารพครับ ...นัฐพล มหาวิค

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

เรื่องเศร้าของวงการอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น


เรื่องเศร้าของวงการอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น

5.มีนาคม 2557

เช้าวานนี้(4 มีนาคม 2557) ผมได้รับแจ้งจากอาจารย์ในแลปว่าอาจารย์ที่ปรึกษาป.เอกผมได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยโรคมะเร็งลำไส้ที่รุมเร้ามาปีกว่า อาจารย์ผม(โปรเฟสเซอร์ ทาเคฮิโกะ ซาโตมุระ) ไปผ่าตัดเป็นครั้งที่สองเมื่อปลายปี 2556 หลังจากครั้งแรกปลายปี 2555 ป่วยมาได้อีกหนึ่งปีโรคก็กำเริบ วงการวิชาการทางด้านอุตุนิยมวิทยาและภูมิอากาศวิทยาญี่ปุ่นต้องสูญเสียบุคลากรชั้นยอดไปในวัยย่าง 60 ปี ถือว่าอายุน้อยมากเทียบกับอายุขัยเฉลี่ยของคนญี่ปุ่น อาจารย์เป็นหัวหน้าบรรณาธิการของวารสารวิชาการอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น(SOLA) 


น้ำตาผมไหลพรากเลยเมื่อทราบข่าว เสมือนเมื่อครั้งที่ผมเสียพ่อไปด้วยโรคเดียวกันตำแหน่งเดียวกันเมื่อปี 2553 ก่อนมาเรียนต่อที่นี่ได้สามเดือน อาจารย์เป็นผู้หยิบผมขึ้นมาจากพงหญ้าของประเทศด้อยพัฒนาอย่างประเทศไทย อาจารย์ช่วยสอน แนะนำ แนะแนวทางผม ให้พัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับที่จะจบที่ม.เกียวโต อาจารย์ตีพิมพ์งานชิ้นสุดท้ายร่วมกับผมแต่ท่านก็ไม่ได้ทันเห็นมันจริงๆ เพราะกำลังอยู่ในกองบรรณาธิการเตรียมออกพิมพ์ ผมก็จะสานฝันของอาจารย์ที่ยังค้างอยู่ในพื้นที่ศึกษาอินโดจีนนี้ให้สำเร็จ ไม่งั้นผมไม่มีหน้าไปพบอาจารย์ได้ครับ ผมจะนำสิ่งดีๆที่อาจารย์ได้สั่งสอน ไปเผยแพร่ให้เด็กๆได้เป็นแนวทาง ผมยึดแนวทางการเป็นสุภาพบุรุษดั่งที่อาจารย์ได้ปฎิบัติเป็นตัวอย่าง ผมจะยึดหลักแนวทางการทำวิจัยที่ให้ถึงแก่นรอบด้าน ผมจะเป็นคนสมถะ แต่เน้นแก่นแท้ของวิชาการ ผมจะเป็นคนที่อยู่เพื่อให้ผู้อื่นพึ่ง ผมจะนำแนวทางเหล่านี้ไปพัฒนาบ้านเมืองของผมเท่าที่ผมจะทำได้เต็มกำลังของผม

ในงานศพอาจารย์นั้น อาจารย์สั่งครอบครัวอาจารย์ว่าไม่ให้รับซองเงินช่วยเหลือใดๆจากแขกผู้มางานศพเลย โพสด็อกในแลปบอกว่าไม่ค่อยเห็นในญี่ปุ่น เพราะการจัดงานศพในญี่ปุ่นตั้งเช่าสถานที่ อาคาร ค่าพิธีกรรม อาจมากกว่าล้านเยนเค้าว่ามานะ (จัดแค่สองวัน) แสดงให้เห็นว่าอาจารย์ไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนกับงานศพของเค้าจริงๆ แม้กระทั่งในตอนที่อาจารย์ป่วยเข้าโรงพยาบาลที่ม.เกียวโต อาจารย์ก็ไม่ยอมรับดอกไม้เยี่ยมไข้จากใครเลย เพราะเค้าถือว่าสิ้นเปลืองทั้งผู้ให้และผู้รับ เราอ้อนวอนอาจารย์รองในแลป โปรเฟสเซอร์ชิเกะตั้งหลายครั้ง จนกระทั่งเค้ายอม บอกว่าเค้าจะถือเอาไปให้เอง เพราะอาจารย์ไม่ยอมให้ใครไปเยี่ยมและเห็นสภาพอาจารย์ด้วย อันนี้ผมเข้าใจ เพราะพ่อผมก็เคยเป็น

ผมท้อมากจนแทบไม่อยากทำอะไรในวันที่ทราบข่าว หากแต่สิ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจเดินต่อไปในวันที่ไม่มีอาจารย์ก็คือ การได้รับความช่วยจากอาจารย์ในแลปท่านอื่นที่เป็นรุ่นพี่และเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ของผมด้วย พูดง่ายๆมีพ่อคนเดียวกัน เค้าบอกยูต้องสู้เพื่ออ.ซาโตมุระ ไอจะคอยช่วยยู ส่วนพี่น้องในแลปที่เจอกันในงานศพอาจารย์ก็บอกว่า นัฐพล ยูต้องเอาปริญญามาให้ได้แล้วอาจารย์จะแฮปปี้ อีกคนบอกว่ายูต้องทำเล่มให้จบเขียนเปเปอร์ที่สองให้เสร็จแล้วเอาไปให้ครอบครัอาจารย์นะในวันที่ยูจะกลับไทย ส่วนที่ได้ใจสุดๆคือ คณบดีผมที่ไทย คนที่เขียนจดหมายรับรองให้ผมก่อนมา ผมได้แจ้งว่าอาจารย์ผมเสีย คณบดีบอกเสียใจด้วย แต่ยูต้องก้าวต่อไป ทำมันให้จบ อธิการเราต้องเข้าใจว่าทำไมคุณถึงจบช้า นี่แสดงถึงภาวะความเป็นผู้นำและความเก๋าเกมในการอ่านใจคนว่าคนคนนั้นต้องการอะไร เค้าต้องการกำลังใจและความเข้าใจในการเดินทางต่อ แค่สองประโยคก็ทำให้โลกที่กำลังมืดมิดกลับมาสว่างอีกครั้ง...

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

ฟังเพลง: ดอกไม้ในที่ลับตา (วงนั่งเล่น)

2014.01.22
นั่งหาว่าคนแต่งเพลงคนดีไม่มีวันตายเป็นใคร ก็ไปพบว่าพี่เค้าร่วมเล่นเพลงอยู่ใน"วงนั่งเล่น" วงนี้มีอัพขึ้นยูทูปในรายการคิดถึงจังของคุณเปิ้ลหัทยา มีนักดนตรีที่เป็นมืออาชีพเก่งมาก หลากหลายช่วงอายุ แต่ละคนระดับขั้นเทพแล้วก็อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินนักร้องของเมืองไทยมาแล้วนับไม่ถ้วน

เป๋า-กมลศักดิ์ สุนทานนท์ (Lead Vocal);ตุ่น-พนเทพ สุวรรณะบุณย์ (Nylon Guitar);เต้ง-ธนิต เชิญพิพัฒนสกุล (Drums);พง-อิศรพงศ์ ชุมสาย ณ อยุธยา (Keyboard);ป้อม-เกริกศักดิ์ ยุวะหงษ์ (Percussion)
แตน-เศกสิทธิ์ ฟูเกียรติสุทธิ์ (Keyboard);ตุ๋ย-พรเทพ สุวรรณะบุณย์(Drums);ตู๋-ปิติ ลิ้มเจริญ (Acoustic Guitar);เก่ง-เทอดไทย ทองนาค (Electric Guitar);โอ-ศราวุธ ฤทธิ์นันท์ (Bass

เพลงส่วนใหญ่แฝงด้วยปรัชญา ประสพการณ์ ฟังแล้วจรรโลงโลก ให้ความจริงที่มีอัตรส ผมชอบหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น เพราะเธอ อกหักให้มันเท่ห์ๆหน่อย สายลม สิ่งที่เป็นกับสิ่งที่เห็น เป็นต้น

ส่วนเพลงดอกไม้ในที่ลับตา นี่ชอบมากที่สุด เนื้อเพลงสวยงามมากๆ
 


...ไม่มีใคร ไม่มีใครสวยอย่างเธอ แต่สิ่งที่เธอทำ อยู่ในใจฉันเสมอ
อยากจะทำ อยากจะเป็นเหมือนอย่างเธอ ทำเหมือนที่เธอทำ เป็นเหมือนที่เธอเป็น ดอกไม้
ไม่ต้องออกทีวี ไม่ต้องมีชื่อเสียงอย่างใคร แค่อยากจะทำดี อยากให้โลกใบนี้สดใส
ไม่จำเป็น ไม่ต้องมีใครเห็นดอกไม้ เธอก็ยังคือเธอ เธอก็ยังคงบานต่อไป
เธอคือดอกไม้ที่บานในที่ลับตา เธอคือดอกหญ้า ถ้าใครไม่มอง ก็ไม่­เห็น
สวยเกินกว่าคำ สวยเกินกว่าใคร สวยที่จิตใจ
เธอคือรอยยิ้มที่ทำให้โลกสวยงาม เธอคือคำถามที่เราไม่เคยนึกถึง
รักคืออะไร ชีวิตคืออะไร อะไรที่สวยงาม
ไม่มีเธอ โลกก็ยังหมุนต่อไป แต่สิ่งที่เธอทำ ทำให้โลกใบนี้สดใส
ไม่เป็นไร ไม่มีใครเห็นดอกไม้ เป็นเหมือนที่เธอเป็น ทำเหมือนที่เธอทำต่อไป
เธอคือดอกไม้ที่บานในที่ลับตา เธอคือดอกหญ้า ถ้าใครไม่มอง ก็ไม่­เห็น
สวยเกินกว่าคำ สวยเกินกว่าใคร สวยที่จิตใจ
เธอคือรอยยิ้มที่ทำให้โลกสวยงาม เธอคือคำถามที่เราไม่เคยนึกถึง
รักคืออะไร ชีวิตคืออะไร อะไรที่สวยงาม
แม้ใครไม่มอง แม้ใครไม่เห็น แต่เธอก็สวยงาม...

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

คนดีไม่มีวันตาย (เพลงให้กำลังใจ)



คนดีไม่มีวันตาย (เพลงให้กำลังใจ)
2014.01.19
ดูหนังขุนรองปลัดชู มาได้ปีกว่าแล้ว ได้ฟังเพลงประกอบแล้วก็ชอบใจในตอนนั้นแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก มาวันนี้กลับมาได้ยินอีกครั้ง ดันมีอารมณ์ชอบในเนื้อเพลงเข้าไปอีก คงเป็นเพราะเกิดภาวะใจนิ่งขึ้นมานิดนึง เลยได้สติฟังโดยไม่ได้ตั้งใจ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายเข้ามาในช่วงนี้ เหตุการณ์การเมืองที่ไม่สงบในบ้านเรา เหตุการณ์ภาคใต้ เหตุสุขภาพของอาจารย์ที่ไม่สู้ค่อยจะดี หากแต่เราก็ทำอะไรได้ไม่มาก เพียงแต่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดนั่นเอง รับผิดชอบสิ่งที่ทำให้ดีที่สุด


ชอบเนื้อเพลงทุกท่อนเลย(ขอบคุณพี่ ปิติ ลิ้มเจริญ เขียนเพลงได้สุดยอดมากครับ+ทำนอง พี่อิสรพงษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา+ธีร์ ไชยเดช ร้อง) เอามาใช้ได้กับตัวเรา แม้ว่าเราไม่ได้เป็นผู้นำประเทศ แม้ว่าเราไม่ได้เป็นนักรบ แม้ว่าเราไม่ได้เป็นคนมีอำนาจ(ไม่ได้คิดที่จะเป็นอยู่แล้ว)  หากแต่เราก็สามารถนำเอามาใช้กับการเป็นนักวิจัยและอาชีพครูของเราได้นะ
แม้ไม่มีใครรู้ แต่เรารู้
รู้ว่าเรานั้นทำเพื่อใคร
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้มันจะเป็นเช่นไร
ก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำ
ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร
ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ

แม้ยากเย็นแค่ไหนไม่เคยบ่นซักคำ
ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ
**
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย

ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าถึงเวลาก็ต้องไป
เหลือไว้แต่คุณงามความดี
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
**