ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วที่ได้หยุดปีใหม่ 2013 ปีแรกที่ได้มาเรียนที่นี่ไม่ได้ไปไหนเลย เพราะไม่ชินกับระบบการปิดปีใหม่ที่นี่
คือ เค้าจะหยุดสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีไปจนถึงสัปดาห์แรกของปีใหม่ นี่คือวัฒนธรรมในแลปผม
แต่ช่วงที่ทำงานนี่ก็ทำจริงๆจังๆกันเลยนะครับ จันทร์ถึงเสาร์
กลับบ้านไปก็ยังไปอ่านเปเปอร์อีก
เป็นการผ่อนคลายตามนักวิทยาศาสตร์ที่สนใจความจริงจากธรรมชาติ
บางคนวันอาทิตย์ก็ยังมาอีก ก่อนปิดปีใหม่ก็ส่งดราฟท์เปเปอร์แรกของผม (ช้าหน่อย)
ไปให้อาจารย์ตรวจ
ช่วงปิดปีใหม่คนญี่ปุ่นจะเดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัว
ไปเที่ยวกับเพื่อน ไปเที่ยวกับแฟน หรือพาครอบครัวไปเที่ยว มีตั๋วราคาถูกที่ใช้เดินทางสำหรับช่วงปิดยาวนี้
ชื่อว่า Seishun18 Kippu ราคา 11,500 เยน ใช้ได้ 5 วัน กับรถ JR and loal train ขายสามช่วงคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน
ฤดูหนาว ผมไปซื้อที่ร้านขายตั๋วถูกได้มา 4 ใบ ราคา 9000 เยน เลยเดินทางไปฮิโรชิมา
เพื่อไปดูบ้านเมืองเค้ากับภรรยา เหนื่อยหน่อย แต่ก็ได้เห็นบ้านเมืองเค้าเหมือนกัน นักเรียนจนจนก็ต้องประหยัดอย่างนี้แหละครับ
แต่ผมก็ชอบกับตั๋วประเภทนี้ เพราะใช้เป็นปีที่สองแล้ว
ปีที่แล้วก็ไปโตเกียวด้วยตั๋วแบบนี้ ไปชินกันเซนก็คงไม่ไหวไปกลับสองคนเกือบๆ5หมื่นเยน แพงเกินไปสำหรับชีวิตนักเรียน
ผมออกจากเกียวโตตอน 7 โมงเช้า ไปถึงฮิโรชิมา 5 โมงเย็น ก็แวะตามรายทางไปเรื่อย
เปลี่ยนบ่อยหน่อยดูบ้านดูเมืองเค้าเรื่อยไป ไล่ไปตั้งแต่ โอซาก้า โกเบ โอคายาม่า แล้วก็ไปจบที่ฮิโรชิมา
เป็นระยะทางที่เหมาะแก่การใช้ตั๋วแบบนี้จริงๆ พอๆกับไปโตเกียว แต่ถ้าให้ไป
คิวชูก็คงไม่ไหว คงต้องหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกไปแทนน่าจะเหมาะกว่า เมืองฮิโรชิมา
ฟื้นตัวเร็ว ก้าวไปสู่เมืองพาณิชย์อีกครั้ง เหมือนเมืองใหญ่ทั่วไปของภูมิภาค
ไม่มีร่องรอยจากบอมบ์หลงเหลืออยู่ จะมีก็เพียงฮิโรชิมาโดม (A-bomb dome) วันแรกผมไปเที่ยว
มิยาจิม่า ไปดูโทริ เป็นประตูสีแดงที่สวยติดหนึ่งในสามวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
นั่ง JR แล้วไปต่อด้วยเรือเฟอรรี่ข้ามฟากไปยังศาลเจ้า
Itsukushima มีหอยนางรมย่างให้กินสองตัวสี่ร้อยเยน
ตามรายทางบนเกาะ วันสุดท้ายก่อนกลับผมแวะไปดูพิพิทภัณฑ์ฮิโรชิมา ได้อารมณ์ ความรู้สึก
ไม่มีการตำหนิผู้ที่ทิ้งบอมบ์อย่างตรงๆ
แต่ผู้ชมก็จะรู้สึกเข้าใจเหตุผลในการทิ้งว่าทำไมถึงต้องเป็นที่ฮิโรชิม่า
และนางาซางิ ทำไมไม่เกียวโต ที่จับได้คือ เมืองฮิโรชิม่ามีขนาดเหมาะสมกับการทิ้งระเบิด
เขาต้องการวัดประสิทธิภาพของระเบิดปรมาณู
อีกทั้งเป็นศูนย์กลางทางทหารที่ไม่มีเชลยของฝ่ายพันธมิตรกักไว้ที่นี่ แนะนำให้ไปดูวันสุดท้ายก่อนกลับนะครับ
ภาพในพิพิธภัณฑ์มันติดตาครับ ได้ความรู้แต่อาจนอนไม่หลับได้ถ้าเป็นคนอ่อนไหว
จริงๆมีที่อยากไปอีกหนึ่งที่คือ พิพิธภัณฑ์รถยนต์ของมาสด้า ที่มีศูนย์กลางการผลิตอยู่ที่ฮิโรชิม่า คล้ายกับโตโยต้าที่อยู่ที่นาโกย่า แต่คิดว่าน่าจะคล้ายๆกันแล้วก็เคยไปดูแล้วที่นาโกย่า เลยไม่ได้อยู่ในแผนที่จะไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น