วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

ดูงานหน่วยงานวิจัยกรมอุตุญี่ปุ่น(MRI-JMA)-โตเกียว



หน่วยงานวิจัยกรมอุตุญี่ปุ่น(MRI-JMA)-โตเกียว
เล่าย้อนหลังช่วงวันที่ 5-7 ธันวาคม 2012 ได้เดินไปโตเกียวเพื่อดูงานกรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น (JMA และหน่วยงานวิจัยด้านอุตุนิยมวิทยาที่TSUKUBA ชื่อ MRI  ไปกับคณะนักวิจัยของ WMO  จากประเทศแทนซาเนียและเมียนมาร์เพื่อนบ้านเรานี่เอง คนพวกนี้ทำงานให้กับกรมอุตุในบ้านเค้าแล้วได้ถูกส่งตัวมาอบรมและวิจัยระยะสั้นที่ญี่ปุ่น 6 เดือน เราสามคนนั่งชินกันเซนไปที่โตเกียวก่อนในวันที่5 ใช้เวลาแค่สองชั่วโมงกับระยะทาง 400 กิโลเมตร ไม่ได้เป็นครั้งแรกของผม เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น แต่ก็ยังทึ่งในความเร็ว สะดวก และชาญฉลาดของญี่ปุ่นอยู่ดี

วันที่สอง 6 ธค. 2012 ต้องเดินทางไปที่ Tsukuba เป็นเมืองวิจัย มีศูนย์วิจัยมากมายหลายด้านที่นี่ ต้องเดินทางด้านรถไฟด่วน Tsukuba express ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงจากสถานีโตเกียว เป็นครั้งที่สองเหมือนกันเพราะปีที่แล้ว 2011 ได้เดินทางมาดูหน่วยงานทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ (JAXA) แต่ครานี้ได้มาดู MRI สมใจอยากแล้ว MRI ตั้งขึ้นเพื่อวิจัยเรื่องที่เกี่ยวกับอุตุนิยมวิทยา มีเครื่องตรวจวัดตัวแปรทางอากาศ มีสำนักงานคอย calibrate หรือเช็คสอบอุปกรณ์ตรวจวัด มีเรดาร์ดอปเปอร์ระบบ c-band สองความถี่ใช้ในงานวิจัย มีหน่วยงานพัฒนาโมเดลอุตุนิยมวิทยา หน่วยงานวิจัยเกี่ยวกับอุตุที่ใช้ดาวเทียม เรดาร์ภาคพื้น โดยผลงานที่วิจัยจะต้องตีพิมพ์เพื่อลงวารสารวิชาการด้านอุตุนิยมวิทยา แล้วมีการนำเสนอผลงานปากเปล่าทุกๆฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ข้างในนี้มีอุปกรณ์นันทนาการ สถานที่พร้อมสรรพ์ มีสนามเทนนิส สระว่ายน้ำพร้อมให้นักวิจัยได้ผ่อนคลาย จะได้เค้นเอาผลงานที่ดีออกมา

พอวันที่สาม 7 ธ.ค. ต้องไปดู สำนักงานใหญ่กรมอุตุที่โตเกียว (JMA) แต่ก่อนไปนั้น อาจารย์ ISHIHARA ซึ่งเป็นผู้นำคณะซึ่งเคยเป็นผู้บริหารของกรมอุตุมาก่อนที่จะเกษียณ มาเป็นนักอาจารย์และนักวิจัยในเกียวได ได้พาไปเที่ยววัด ASAKUSA  พร้อมกับล่องเรือในแม่น้ำ Sumida  ไปขึ้นที่วัด Hamarikyu  เป็นสวนที่โชกุนในสมัยเอโดะใช้เป็นที่รับรองของไดเมียวจากเมืองต่างๆ
จากนั้นก็ไปดูงานที่ JMA headquater ดูในส่วนการพยากรณ์อากาศที่ทันสมัย มีการทำงานตลอด24ชม. ไปดูระบบควบคุมอุปกรณ์ตรวจวัดอากาศอัตโนมัติ สามารถควบคุมได้ทุกตัวทั่วประเทศ และที่สำคัญ ระบบควบคุมเรดาร์ตรวจน้ำฝนนั้นก็สามารถควบคุมพร้อมปรับโมดได้ที่นี่ เครื่องไหนเสียก็จะแสดงสถานะตรงนั้นเลยแล้วส่งจนท.ไปซ่อมด่วน ที่นี่เค้าให้คำปรึกษากับหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาทั่วโลก ให้มาดูงานแลกเปลี่ยนความรู้กัน ประเทศไทยก็เคยมาดูงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนก่อนที่ผมจะเดินทางมาเยือน เห็นว่าเป็นจนท.กรมอุตุ จะพัฒนาระบบเรดาร์ของเมืองไทย ขอให้พัฒนาต่อไปนะครับ

เที่ยวฮิโรชิม่า-หยุดปีใหม่ที่ญี่ปุ่น



ฮิโรชิม่า-หยุดปีใหม่ที่ญี่ปุ่น


 ฮิโรชิมาโดม

ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วที่ได้หยุดปีใหม่ 2013 ปีแรกที่ได้มาเรียนที่นี่ไม่ได้ไปไหนเลย เพราะไม่ชินกับระบบการปิดปีใหม่ที่นี่ คือ เค้าจะหยุดสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีไปจนถึงสัปดาห์แรกของปีใหม่ นี่คือวัฒนธรรมในแลปผม แต่ช่วงที่ทำงานนี่ก็ทำจริงๆจังๆกันเลยนะครับ จันทร์ถึงเสาร์ กลับบ้านไปก็ยังไปอ่านเปเปอร์อีก เป็นการผ่อนคลายตามนักวิทยาศาสตร์ที่สนใจความจริงจากธรรมชาติ บางคนวันอาทิตย์ก็ยังมาอีก ก่อนปิดปีใหม่ก็ส่งดราฟท์เปเปอร์แรกของผม (ช้าหน่อย) ไปให้อาจารย์ตรวจ 

ช่วงปิดปีใหม่คนญี่ปุ่นจะเดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัว ไปเที่ยวกับเพื่อน ไปเที่ยวกับแฟน หรือพาครอบครัวไปเที่ยว มีตั๋วราคาถูกที่ใช้เดินทางสำหรับช่วงปิดยาวนี้ ชื่อว่า Seishun18 Kippu ราคา 11,500 เยน ใช้ได้ 5 วัน กับรถ JR and loal train ขายสามช่วงคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูหนาว ผมไปซื้อที่ร้านขายตั๋วถูกได้มา 4 ใบ ราคา 9000 เยน เลยเดินทางไปฮิโรชิมา เพื่อไปดูบ้านเมืองเค้ากับภรรยา เหนื่อยหน่อย แต่ก็ได้เห็นบ้านเมืองเค้าเหมือนกัน นักเรียนจนจนก็ต้องประหยัดอย่างนี้แหละครับ แต่ผมก็ชอบกับตั๋วประเภทนี้ เพราะใช้เป็นปีที่สองแล้ว ปีที่แล้วก็ไปโตเกียวด้วยตั๋วแบบนี้ ไปชินกันเซนก็คงไม่ไหวไปกลับสองคนเกือบๆ5หมื่นเยน แพงเกินไปสำหรับชีวิตนักเรียน 

ผมออกจากเกียวโตตอน 7 โมงเช้า ไปถึงฮิโรชิมา 5 โมงเย็น ก็แวะตามรายทางไปเรื่อย เปลี่ยนบ่อยหน่อยดูบ้านดูเมืองเค้าเรื่อยไป ไล่ไปตั้งแต่ โอซาก้า โกเบ โอคายาม่า แล้วก็ไปจบที่ฮิโรชิมา เป็นระยะทางที่เหมาะแก่การใช้ตั๋วแบบนี้จริงๆ พอๆกับไปโตเกียว แต่ถ้าให้ไป คิวชูก็คงไม่ไหว คงต้องหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกไปแทนน่าจะเหมาะกว่า เมืองฮิโรชิมา ฟื้นตัวเร็ว ก้าวไปสู่เมืองพาณิชย์อีกครั้ง เหมือนเมืองใหญ่ทั่วไปของภูมิภาค ไม่มีร่องรอยจากบอมบ์หลงเหลืออยู่ จะมีก็เพียงฮิโรชิมาโดม (A-bomb dome) วันแรกผมไปเที่ยว มิยาจิม่า  ไปดูโทริ เป็นประตูสีแดงที่สวยติดหนึ่งในสามวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น นั่ง JR แล้วไปต่อด้วยเรือเฟอรรี่ข้ามฟากไปยังศาลเจ้า Itsukushima มีหอยนางรมย่างให้กินสองตัวสี่ร้อยเยน ตามรายทางบนเกาะ วันสุดท้ายก่อนกลับผมแวะไปดูพิพิทภัณฑ์ฮิโรชิมา ได้อารมณ์ ความรู้สึก ไม่มีการตำหนิผู้ที่ทิ้งบอมบ์อย่างตรงๆ แต่ผู้ชมก็จะรู้สึกเข้าใจเหตุผลในการทิ้งว่าทำไมถึงต้องเป็นที่ฮิโรชิม่า และนางาซางิ ทำไมไม่เกียวโต ที่จับได้คือ เมืองฮิโรชิม่ามีขนาดเหมาะสมกับการทิ้งระเบิด เขาต้องการวัดประสิทธิภาพของระเบิดปรมาณู อีกทั้งเป็นศูนย์กลางทางทหารที่ไม่มีเชลยของฝ่ายพันธมิตรกักไว้ที่นี่ แนะนำให้ไปดูวันสุดท้ายก่อนกลับนะครับ ภาพในพิพิธภัณฑ์มันติดตาครับ ได้ความรู้แต่อาจนอนไม่หลับได้ถ้าเป็นคนอ่อนไหว

จริงๆมีที่อยากไปอีกหนึ่งที่คือ พิพิธภัณฑ์รถยนต์ของมาสด้า ที่มีศูนย์กลางการผลิตอยู่ที่ฮิโรชิม่า คล้ายกับโตโยต้าที่อยู่ที่นาโกย่า แต่คิดว่าน่าจะคล้ายๆกันแล้วก็เคยไปดูแล้วที่นาโกย่า เลยไม่ได้อยู่ในแผนที่จะไป