เคยได้ยินผู้คนมากมายที่ไม่เคยเป็นอาจารย์ในระดับมหาลัยบอกว่าอาจารย์สอนไม่กี่วิชา สบายจริงๆ อาชีพอาจารย์เป็นอาชีพที่สบายมากๆ ออกแนวกระทบกระทั่งว่าอาจารย์เป็นอาชีพเช้าชามเย็นชาม ถึงเวลาก็มาสอน กลับไปห้องพักอาจารย์ก็น่าจะว่าง ลองอ่านหน้าที่ของอาจารย์ข้างล่างดูครับ ใครที่ว่างานอาจารย์สบายนะครับ ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งและดีจริงๆนะครับ ขอเชิญท่านที่สนใจมาสมัครมาเป็นอาจารย์แล้วทำให้ได้ดีด้วยนะครับ ให้สมกับเป็นอาจารย์ที่ดี ให้ความรู้ที่มีคุณภาพแก่ลูกศิษย์จะเป็นหนทางทำบุญอย่างใหญ่หลวงให้สมแก่ตัวท่านที่ได้เกิดมาครับทางหนึ่งเลยนะครับ ผมขออนุโมทนาล่วงหน้าเลยนะครับ^^ แล้วจะได้ไม่ต้องบ่นกันว่าประเทศเรามีแต่คนไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ ล้าหลัง อย่างนู้นอย่างนี้ ถ้าคนเก่งมาเป็นอาจารย์ แล้วทำงานจริงจัง สอดแทรกจริยธรรมไป เดี๋ยวคนรุ่นหลังก็ทำตามครับ นี่ก็คือทางหนึ่งในการพัฒนาประเทศ
หน้าที่ของอาจารย์ใหม่ เพราะผมก็เป็นอาจารย์ใหม่ครับแต่ยังทำไม่ดีสักอย่างเลยครับ^^'
1.งานสอนหนังสือ คือ ต้องเตรียมแผนการสอน เตรียมเอกสารประกอบการสอน เตรียมแลป ตรวจแบบฝึกหัด ออกข้อสอบ ตรวจข้อสอบ เขียนโครงการออกภาคสนาม ออกภาคสนาม เป็นต้น อาจจะต้องสอนหลายวิชาเพราะยังไม่มีวิชาเป็นของตัวเอง ถ้าได้รับมอบหมายให้สอนวิชาอะไรต้องทำให้ได้ เพราะการที่จะมาเป็นอาจารย์ได้ต้องประวัติการศึกษาดี มีผลการเรียนที่ดี หมายความว่า ทุกวิชาที่เคยเรียนมาต้องสามารถสอนได้ แต่อาจจะต้องเตรียมมากเตรียมน้อยแล้วแต่ความสนใจในวิชานั้นๆ แล้วในปีถัดๆไปก็ต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาที่เราได้ทำการเตรียมมาเมื่อปีก่อนด้วยนะครับ ต้องติดตามความก้าวหน้าของวิชาที่เราสอนด้วย ไม่ใช่ทำครั้งเดียวใช้ได้ไปตลอดอาชีพการเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ครับ ผิดคอนเซปท์
2.งานวิจัย เพื่อขยายขอบเขตองค์ความรู้ของตัวเองและสิ่งที่สนใจให้กว้างและลึกลงไปอีก แล้วเหตุผลที่มหาลัยเริ่มสนับสนุนงานวิจัยแบบจริงจังก็เพราะว่าปัจจุบันมหาลัยต้องการจะยกระดับตัวเองด้วยการเป็นมหาลัยวิจัย เพราะได้เงินสนับสนุนจากรัฐเพิ่มมากขึ้นถ้าระดับของมหาลัยเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัดหนึ่่งนั้นก็คือ ผลงานวิชาที่จับต้องได้ นั่นคือ งานวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์แล้ว ดังนั้นอาจารย์ต้องเป็นนักวิจัยด้วย อาจารย์ใหม่ก็ต้องฝึกทำวิจัย ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยของอาจารย์รุ่นพี่ที่เป็นนักวิจัยอยู่แล้ว หรือ ทำงานวิจัยของตัวเองในนามของทุนนักวิจัยหน้าใหม่
3.งานเตรียมตัวเพื่อศึกษาต่อ กรณีที่ยังไม่จบปริญญาเอก เพราะจำนวนของอาจารย์ที่จบปริญญาเอกก็เป็นตัวชี้วัดหนึ่งในการจัดอันดับของมหาลัย อาจารย์ใหม่ที่ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศเลย ต้องเตรียมภาษาซึ่งหนักมากเพราะมีงานหลากหลายที่จะต้องทำในเวลาเดียวกัน การเตรียมตัวไปศึกษาต่อนั้นบางคนอาจต้องใช้เวลาเป็น 5 ปี หลังจากวันที่เข้าเป็นอาจารย์แล้วถึงจะได้ไปเรียนต่อ เพราะมีภาระหน้าที่เยอะครับ ไหนจะต้องหาที่เรียนอีก ติดต่อโปรเฟสเซอร์ สมัครขอทุน แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็คงต้องเลือกศึกษาในประเทศไทยถ้าโชคดีสาขาที่ตัวเองเรียนอยู่มีเปิดทำการสอน และพอใช้ได้ แต่ถ้าจะให้ดีต้องไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นครับ ฉะนั้นคนที่จะเป็นอาจารย์ต้องเตรียมตัวให้พร้อมมาแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่มาเตรียมตอนเป็นอาจารย์ มันจะลำบากมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ครับ
4.งานบริหารของภาควิชา คือ ในภาควิชาจะมีงานที่จะต้องทำ เช่น งานประกันคุณภาพ งานปรับปรุงหลักสูตร หรืองานอะไรก็แล้วที่ทางหัวหน้าภาคมอบหมาย ต้องช่วยสนับสนุนให้ตามกำลัง
5.งานให้คำปรึกษานิสิต ไม่ว่าจะเป็นนิสิตที่เราเป็นที่ปรึกษาประจำชั้นปี หรือ นิสิตที่ทำตัวจบ
6.งานบริการวิชาการ เป็นส่วนหนึ่งของงานอาจารย์ที่จะต้องให้ความรู้กับสังคม เช่น งานอบรมให้กับคนทั่วไปทั้งในและนอกมหาลัย เป็นภาระกิจหลักอย่างหนึ่งของมหาลัยครับ
7.งานกิจกรรม ซึ่งจะได้รับมอบหมายจากคณบดี หรือหัวหน้าภาค ให้ช่วยทำกิจกรรมในแต่ละฝ่าย แล้วแต่จะได้รับมอบหมาย เช่นงานกิจการนิสิต คุมนิสิตรับน้อง งานประชุมวิชาการ
8.งานประชุม มีทั้งของภาค ของคณะ มหาลัย ของกลุ่มย่อยๆอีก มีสัมนาย่อยก็ต้องเข้าเพื่อประโยชน์ในการขยายโลกทัศน์ของเราครับ
9.งานการเมือง อันนี้ไม่บอกก็รู้ครับ มาในหลายรูปแบบ ไม่ว่าหน่วยงานใดก็มีการเมืองหมด วงการอาจารย์ก็มีเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นไปเพื่อความก้าวหน้าทางการศึกษา แต่บางครั้งหรือหลายครั้งก็ปนไปด้วยอคติส่วนบุคคล ต้องเรียนรู้ให้ได้ครับสำหรับอาจารย์ใหม่จากอาจารย์ที่ดีๆครับ
10.งานจิปาถะ คือ จะเป็นงานที่ออกจะไม่เป็นทางการหน่อย แต่ต้องทำ เช่น
อาจารย์ผู้ใหญ่ใช้ให้ทำงานให้ เราเป็นอาจารย์ผู้น้อยจะปฎิเสธได้ลำบาก
ถ้าไม่หนักหนามากก็ทำ หรือถ้าหนักหนามากก็ต้องทำ เพราะเลือกไม่ได้
บางทีงานเหล่านี้ก็รบกวนความก้าวหน้าของวิชาการของอาจารย์ใหม่เกินไป
บางทีมาพร้อมกันหลายๆงาน บางทีให้ช่วยทำงานนี้แล้ว ก็มีงานต่อไปมาเรื่อยๆ
แต่ช่วยได้ก็ต้องช่วยครับ เดี๋ยวจะหาว่าเป็นเด็กเป็นเล็กไม่มีน้ำใจ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า
ในวันข้างหน้าเราก็อาจจะต้องขอความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่
เคยได้ยินมาเยอะว่า อาจารย์ไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่ถ่ายทอดเก่งก็พอ ถ้าลองดูงานที่ผมเขียนข้างบน ถามว่า ถ้าอาจารย์ไม่เก่ง จะสามารถฝ่าฟันและเป็นอาจารย์ที่ดีได้หรือไม่ครับ จะสามารถทำงานหลายๆอย่างในเวลาพร้อมกันได้อย่างไร อาจารย์ไม่ได้มีหน้าที่ที่ต้องสอนอย่างเดียว อาจารย์แต่ละท่านที่เป็น ดร. หรือ ผศ. หรือ รศ. หรือ ศ. นั้นก็เคยทำงานเหล่านี้มาหมดนะครับ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะให้น้ำหนักแต่ละงานมากน้อยเพียงใด ถ้าใครคนนั้นทำได้ดีหมดทุกอย่างก็จะเป็นสุดยอดของอาจารย์ นั่นคือเป็นอาจารย์ของอาจารย์ครับ หาได้ยากครับแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่ที่สำคัญสำหรับอาจารย์ใหม่คือ เก็บเกี่ยวประสบการณ์การเป็นอาจารย์ แล้วหาทางไปเรียนต่อให้ได้เร็วที่สุดเป็นอันดี แล้วที่สำคัญขอให้มีความสุขทุกขณะที่ทำงานอาจารย์อันเป็นงานที่ทรงคุณค่า แม้ว่าจะสวนทางรายได้ก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น